ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา การเติบโตของปัญญาประดิษฐ์ได้สร้างกระแสการผลิตเนื้อหาที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ มันทำให้ใครก็สามารถเขียนบทความได้ภายในไม่กี่วินาที สร้างภาพ สร้างวิดีโอ หรือสร้างคำพูดแบบมืออาชีพได้แทบไม่จำกัด แต่เมื่อเทคโนโลยีแพร่หลายจนกลายเป็นเรื่องธรรมดา ปรากฏการณ์ใหม่ก็เริ่มก่อตัวขึ้น— “ความอิ่มตัว” และ “ความรู้สึกเอียน” ของผู้บริโภคต่อเนื้อหา AI
อัลลิสัน มอร์โรว์ นักเขียนอาวุโสจาก CNN Business มองว่าปี 2026 อาจกลายเป็นปีแห่ง Anti-AI Marketing หรือการตลาดที่ประกาศจุดยืน “มนุษย์ทำ” อย่างชัดเจน เพราะผู้คนเริ่มรับรู้ถึงคุณภาพที่ตกต่ำของเนื้อหาที่ผลิตด้วย AI จำนวนมากจนเริ่มเรียกรวมๆ ว่า “Slop”
คำว่า Slop ไม่เพียงหมายถึงเนื้อหาคุณภาพต่ำเท่านั้น แต่ยังสะท้อนถึงความรู้สึกของผู้รับสารที่ต้องเผชิญกับข้อมูลจำนวนมากที่ไร้วิญญาณ ไร้เจตนารมณ์ และไร้ความใส่ใจ จน Merriam-Webster ยกให้ Slop เป็นคำแห่งปี 2025 พร้อมคำอธิบายที่เปรียบเปรยคล้ายสิ่งสกปรกที่ซึมลึกเข้ามาในทุกพื้นที่ออนไลน์ ความแพร่หลายของ Slop ทำให้ผู้บริโภคหลายคนเริ่มตั้งคำถามว่า อะไรคือเนื้อหาแท้จริงที่เปี่ยมคุณค่า และอะไรคือของปลอมที่ผลิตขึ้นเพื่อป้อนอัลกอริทึมเท่านั้น
ในสภาพแวดล้อมที่ข้อมูลล้นเกิน การตลาดเคยแข่งขันด้วยความเร็วและปริมาณ แต่เมื่อทุกแบรนด์สามารถสร้างปริมาณได้ไม่จำกัดด้วย AI ปัจจัยต่างๆ ที่เคยเป็นข้อได้เปรียบหายไปอย่างรวดเร็ว ความแตกต่างใหม่จึงไม่ได้อยู่ที่ความ “ครีเอทีฟเหนือมนุษย์” อีกต่อไป หากแต่อยู่ที่ความเป็นมนุษย์ ความจริงใจ และความตั้งใจในการสื่อสาร
กระแส Anti-AI จึงไม่ได้มีความหมายว่าแบรนด์ปฏิเสธการใช้ AI ทั้งหมด แต่คือการยืดหยัดในคุณภาพที่มาจากประสบการณ์และความคิดของมนุษย์จริงๆ ผู้คนต้องการความสัมพันธ์ ต้องการเสียงที่ไม่เหมือนใคร และต้องการหลักฐานว่ายังมี “คนจริงๆ” อยู่เบื้องหลังข้อความ ไม่ใช่เพียงเครื่องจักรที่ป้อนประโยคต่อๆ กันที่ไม่เคยจับความรู้สึกหรือผลกระทบของมัน
เมื่อผู้คนเริ่มเอียน “ความสมบูรณ์แบบปลอมๆ” จาก AI ยุคใหม่ของการตลาดจึงอาจกลับคืนสู่ความไม่สมบูรณ์แบบที่งดงาม เนื้อหาที่พูดผิดบ้าง มีอารมณ์ รอยต่อที่จริงใจ หรือขั้นตอนงานที่อาจใช้เวลาแต่อบอวลด้วยความตั้งใจ สิ่งเหล่านี้มีคุณค่ามากขึ้นเพราะมันพิสูจน์ว่าเนื้อหาไม่ได้ถูกผลิตเพื่อป้อนตลาดอย่างไร้หัวใจ
หากปี 2024–2025 คือการทดลองการใช้ AI อย่างกว้างขวาง ปี 2026 อาจเป็นจุดเริ่มต้นของการตั้งคำถามที่จริงจังว่า “อะไรคือเนื้อหาที่คุ้มค่าต่อเวลาและความสนใจของมนุษย์?” ไม่ใช่เนื้อหาที่ผลิตได้เร็วที่สุด แต่เป็นเนื้อหาที่มีความหมายที่สุด
สุดท้ายแล้ว Anti-AI Marketing อาจไม่ใช่การต่อต้านเทคโนโลยี หากแต่เป็นการฟื้นคืนคุณค่าของความเป็นมนุษย์ในโลกที่เครื่องจักรเก่งขึ้นทุกวัน และทำให้เราย้อนคิดว่าบางทีสิ่งที่เราต้องการไม่ใช่ AI ที่ฉลาดกว่าเดิม แต่เป็นมนุษย์ที่จริงใจกว่าเดิม ในโลกที่เนื้อหาล้นจนผู้คนเริ่มอิ่มตัว ความแตกต่างที่สุดอาจเป็นเรื่องเรียบง่ายอย่าง “ตัวตนและเรื่องราวที่มีหัวใจของมนุษย์”
ผู้เขียน: ก้องปพัฒน์ กำจรจรุงวิทย์