ประเทศไทยกำลังก้าวเข้าสู่ยุคของ “Smart City” อย่างเป็นรูปธรรมมากขึ้นในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ด้วยความร่วมมือของภาครัฐ เอกชน และประชาชนในการพัฒนาเมืองให้ตอบโจทย์ชีวิตยุคดิจิทัล ทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อม และคุณภาพชีวิตของผู้คน เป้าหมายของเมืองอัจฉริยะไม่ใช่แค่การใช้เทคโนโลยีล้ำสมัย แต่คือการสร้าง “ระบบเมืองที่เชื่อมโยงกันอย่างชาญฉลาด” เพื่อให้การใช้ทรัพยากรมีประสิทธิภาพสูงสุดและยั่งยืนในระยะยาว
แนวโน้มของ Smart City ในประเทศไทยเริ่มเห็นชัดในหลายมิติ ไม่ว่าจะเป็นการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล เช่น เครือข่าย 5G, IoT (Internet of Things), ระบบคลาวด์ และศูนย์ข้อมูลกลาง ที่ช่วยให้หน่วยงานต่าง ๆ สามารถเชื่อมโยงข้อมูลและบริหารจัดการเมืองได้แบบเรียลไทม์ เมืองใหญ่หลายแห่ง เช่น กรุงเทพฯ เชียงใหม่ ภูเก็ต ขอนแก่น และพัทยา ได้รับการผลักดันให้เป็น “ต้นแบบเมืองอัจฉริยะ” ที่นำร่องแนวคิด Smart Living, Smart Mobility และ Smart Environment เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนให้ดีขึ้น
อีกแนวโน้มที่สำคัญคือการเปลี่ยนผ่านสู่ “Green & Smart City” ที่เน้นความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อมไปพร้อมกับความฉลาดด้านเทคโนโลยี เช่น การจัดการพลังงานหมุนเวียน ระบบขนส่งไฟฟ้า (EV) การบริหารจัดการขยะด้วยระบบอัจฉริยะ และการสร้างพื้นที่สีเขียวที่ใช้เทคโนโลยีติดตามคุณภาพอากาศ นอกจากนี้ การนำระบบ “Open Data” เข้ามาใช้ ยังเปิดโอกาสให้ภาคเอกชนและประชาชนมีส่วนร่วมในการพัฒนาเมือง สร้างนวัตกรรมและบริการใหม่ ๆ ที่ตอบโจทย์ความต้องการของชุมชนมากขึ้น
ด้านเศรษฐกิจ เมืองอัจฉริยะกำลังกลายเป็น “แม่เหล็ก” ดึงดูดการลงทุนจากทั้งในและต่างประเทศ โดยเฉพาะในเขตเศรษฐกิจพิเศษอย่าง EEC (Eastern Economic Corridor) ที่รัฐบาลตั้งเป้าให้เป็นพื้นที่ต้นแบบของ Smart City แห่งอนาคต ซึ่งจะรวมเทคโนโลยี AI, Automation, Big Data และ Smart Logistics เข้าด้วยกัน เพื่อยกระดับขีดความสามารถการแข่งขันของประเทศในระดับภูมิภาคอาเซียน
อย่างไรก็ตาม การพัฒนา Smart City ยังมีความท้าทายที่ต้องจัดการ ทั้งด้านงบประมาณ การบูรณาการข้อมูลระหว่างหน่วยงาน การรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์ และการสร้างทักษะดิจิทัลให้กับประชาชน เพื่อให้สามารถใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีได้อย่างเต็มที่ เพราะเมืองอัจฉริยะจะเกิดขึ้นไม่ได้ หากไม่มี “คนอัจฉริยะ” ที่พร้อมเรียนรู้และปรับตัวไปกับเทคโนโลยี
ในอนาคตอันใกล้นี้ Smart City ของไทยจะไม่ได้เป็นเพียงโครงการเชิงนโยบายเท่านั้น แต่จะกลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวัน ที่ทำให้การใช้ชีวิตของผู้คนสะดวก ปลอดภัย และยั่งยืนมากขึ้น เมืองจะไม่เพียงฉลาดขึ้นเท่านั้น แต่จะ “เข้าใจมนุษย์มากขึ้น” เพราะแก่นแท้ของ Smart City ไม่ใช่แค่เทคโนโลยี แต่คือ “การใช้เทคโนโลยีเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของคนทุกคนในสังคม” อย่างแท้จริง
ผู้เขียน: ก้องปพัฒน์ กำจรจรุงวิทย์