การประกาศดีลมูลค่ากว่า 20,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐระหว่าง Nvidia และ Groq กลายเป็นหนึ่งในหมากธุรกิจที่ถูกพูดถึงมากที่สุดในอุตสาหกรรมชิปและ AI ไม่ใช่เพราะตัวเลขมูลค่าที่สูงลิ่วเพียงอย่างเดียว แต่เพราะ “รูปแบบของดีล” ที่แตกต่างจากการเข้าซื้อกิจการแบบดั้งเดิมอย่างสิ้นเชิง Nvidia เลือกไม่ซื้อบริษัท Groq ไม่ควบรวม ไม่ถือหุ้นจนมีอำนาจควบคุม แต่กลับเลือกถือสิทธิการใช้งานเทคโนโลยี LPU (Language Processing Unit) ของ Groq ในลักษณะไม่ผูกขาด พร้อมดึงตัวผู้ก่อตั้งและวิศวกรแกนหลักเข้ามาร่วมงาน ขณะที่ Groq ยังคงดำเนินธุรกิจต่อในฐานะบริษัทอิสระอย่างเต็มรูปแบบ
หากมองเพียงผิวเผิน ดีลนี้อาจดูคล้ายความร่วมมือเชิงเทคโนโลยีทั่วไป แต่ในเชิงกลยุทธ์ นี่คือการ “ซื้อเทคโนโลยีและคน” โดยไม่ต้องซื้อบริษัท เป็นการแยกเอาสองสินทรัพย์ที่มีมูลค่าสูงที่สุดในยุค AI ออกมาจากโครงสร้างองค์กร นั่นคือ นวัตกรรมเชิงสถาปัตยกรรมชิป และมันสมองของทีมที่สร้างมันขึ้นมา โดยไม่ต้องแบกรับภาระด้านกฎหมาย การกำกับดูแล และแรงต้านจากหน่วยงานต่อต้านการผูกขาด
บทเรียนจากดีล Arm ที่ล้มเหลวในอดีตยังคงชัดเจน Nvidia เคยพยายามเข้าซื้อ Arm เพื่อเสริมอำนาจในห่วงโซ่เทคโนโลยีระดับโลก แต่ต้องถอยออกมาเพราะแรงกดดันจากหน่วยงานกำกับดูแลในหลายประเทศ ดีลกับ Groq จึงสะท้อนให้เห็นถึงการปรับวิธีคิดของ Jensen Huang และทีมผู้บริหาร จากการ “ครอบครอง” มาเป็นการ “เข้าถึง” จากการถือกรรมสิทธิ์ มาเป็นการถือสิทธิ และจากการซื้อบริษัท มาเป็นการออกแบบโครงสร้างความร่วมมือที่หลบเลี่ยงจุดเสี่ยงเชิงกฎหมายได้อย่างแนบเนียน
ในเชิงเทคโนโลยี LPU ของ Groq ถือเป็นแนวคิดที่แตกต่างจาก GPU แบบดั้งเดิมอย่างมีนัยสำคัญ โดยถูกออกแบบมาเพื่อรองรับงานประมวลผลภาษาและโมเดล AI ขนาดใหญ่ด้วยสถาปัตยกรรมที่เน้นความหน่วงต่ำและการไหลของข้อมูลที่คาดการณ์ได้ การที่ Nvidia ได้สิทธิใช้งานเทคโนโลยีนี้แบบไม่ผูกขาด หมายความว่า Nvidia สามารถนำแนวคิดหรือองค์ความรู้ไปต่อยอด ผสาน หรือแม้แต่แข่งขันเชิงสถาปัตยกรรมในระยะยาว โดยไม่ต้องผูกมัดตัวเองกับการควบรวมกิจการที่ซับซ้อน
ขณะเดียวกัน การดึงทีมผู้ก่อตั้งและวิศวกรแกนหลักเข้ามาทำงานกับ Nvidia คือหัวใจของดีลนี้อย่างแท้จริง ในยุคที่การแข่งขันด้าน AI ไม่ได้วัดกันแค่จำนวนทรานซิสเตอร์หรือกำลังประมวลผลต่อวัตต์ แต่เป็นการแข่งขันด้านสถาปัตยกรรม ความคิดเชิงระบบ และความเร็วในการออกแบบ คนคือสินทรัพย์ที่หายากที่สุด การได้ทีมที่เคยสร้างชิปจากศูนย์ พร้อมวิสัยทัศน์ที่แตกต่างจากกระแสหลัก เข้ามาอยู่ในองค์กร คือการเพิ่ม “DNA ใหม่” ให้กับ Nvidia โดยไม่ต้องรอการหลอมรวมทางวัฒนธรรมแบบการควบรวมกิจการทั่วไป
ในอีกด้านหนึ่ง Groq เองก็ไม่ได้เป็นผู้แพ้ในดีลนี้ การยังคงสถานะบริษัทอิสระช่วยให้ Groq รักษาอัตลักษณ์ ความคล่องตัว และโอกาสทางธุรกิจในอนาคตไว้ได้ ขณะเดียวกันก็ได้รับทรัพยากร เงินทุน และความน่าเชื่อถือจากการจับมือกับ Nvidia ซึ่งเป็นผู้นำตลาด AI Accelerator ระดับโลก ความสัมพันธ์ลักษณะนี้เปิดทางให้ Groq สามารถเติบโตในตลาดเฉพาะทางต่อไป โดยไม่ถูกกลืนหายไปในโครงสร้างของบริษัทยักษ์ใหญ่
เมื่อ Jensen Huang ย้ำชัดว่า Nvidia “ไม่ได้ซื้อบริษัท Groq” คำพูดนี้จึงไม่ได้เป็นเพียงการปฏิเสธเชิงกฎหมาย แต่คือการสื่อสารเชิงกลยุทธ์ว่า Nvidia กำลังนิยามรูปแบบการขยายอำนาจใหม่ในยุค AI แทนที่จะสะสมบริษัทไว้ในพอร์ตเหมือนอดีต Nvidia กำลังสะสม “ความสามารถ” “องค์ความรู้” และ “ศักยภาพในการสร้างอนาคต” ผ่านดีลที่ออกแบบมาอย่างซับซ้อนและแยบยล
ดีลนี้อาจกลายเป็นต้นแบบของการควบรวมเชิงแนวคิดในยุคถัดไป ยุคที่บริษัทเทคโนโลยีขนาดใหญ่ไม่จำเป็นต้องเป็นเจ้าของทุกอย่าง แต่สามารถครอบครองจุดยุทธศาสตร์สำคัญของนวัตกรรมได้ โดยลดแรงเสียดทานจากกฎระเบียบ และเพิ่มความเร็วในการแข่งขัน และในสนาม AI ที่ทุกวินาทีมีความหมาย การเดินหมากแบบนี้ อาจเป็นความได้เปรียบที่สำคัญที่สุดของ Nvidia ในระยะยาว
ผู้เขียน: ก้องปพัฒน์ กำจรจรุงวิทย์