เราคุ้นเคยกับหลอดไฟส่องแสงสว่างทั้งภายในบ้าน และอาคารเป็นอย่างดี แต่! เห็นหลอดเล็ก ๆ อย่างนั้น เชื่อไหมว่า ระบบแสงสว่างในอาคาร กินพลังงานเป็นรองเฉพาะเครื่องปรับอากาศเท่านั้น โดยค่าเฉลี่ยการใช้พลังงานในส่วนของแสงส่องสว่างในอาคารคิดเป็น 20 – 40 เปอร์เซ็นต์เลยทีเดียว ฉะนั้นจึงจำเป็นต้องเลือกใช้ระบบแสงสว่างที่ประหยัดไฟ เพื่อลดต้นทุนส่วนตัว และเพื่อความยั่งยืนของพลังงานชาติ ซึ่งนวัตกรรมแสงสว่างที่ถูกยกให้เป็นที่หนึ่ง คือ LED และ IoT
หลอด LED นวัตกรรมแห่งการประหยัดไฟ
LED ย่อมาจาก Light Emitting Diode คือ แสงสว่างที่เกิดจากตัวไดโอด ซึ่งจะเห็นได้ในอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ต่าง ๆ ที่เป็นแสงไฟสีแดง สีน้ำเงินเล็ก ๆ ถูกคิดค้นมาตั้งแต่ ค.ศ. 1962 จากนั้นพัฒนามาเรื่อย กระทั่งสามารถผลิตเป็นหลอดไฟให้แสงสีขาวแทนหลอดไส้ และหลอดฟลูออเรสเซนต์ได้
ข้อดีของหลอด LED คือ ประหยัดพลังงานมากกว่าหลอดแบบเก่าถึง 80 – 90 เปอร์เซ็นต์ และมีอายุการใช้งานถึง 50,000 ชั่วโมง ไม่มีการกระพริบ เปิดปุ๊บติดปั๊บ ปล่อยความร้อนและรังสี UV น้อย ไม่ต้องเคลือบสารปรอท ทำให้ปลอดภัยต่อชีวิต และสิ่งแวดล้อม นอกจากนี้เมื่อหลอด LED ปล่อยความร้อนน้อย ก็จะช่วยลดภาระเครื่องปรับอากาศตัวหลักการกินไฟลงได้อีกด้วย ดังนั้นไม่เพียงแค่ตัวมันใช้พลังงานน้อย แต่ยังเสริมให้อุปกรณ์ต่าง ๆ ลดใช้พลังงานอีกด้วย
กฟผ. เอง ยังแนะนำให้เลือกใช้หลอดไฟแอลอีดี (E27) ขนาด 7 วัตต์ แทนหลอดคอมแพคฟลูออเรสเซนต์ (CFL) ขนาด 13 วัตต์ และปิดสวิตซ์ทุกครั้งเมื่อเลิกใช้งาน
ระบบ IoT กับหลอด LED ผนึกกำลังลดพลังงาน
หลอด LED แม้มีประสิทธิภาพในการลดพลังงานสูงแล้ว แต่ยังสามารถเพิ่มความแข็งแกร่งได้อีก โดยการผนวกกับ IoT (Internet of Things) คือ ใช้ระบบสั่งการผ่านอินเตอร์เน็ต ที่สามารถสั่งเปิด-ปิดไฟอัตโนมัติ เช่น เมื่อมีคนอยู่ในบริเวณก็เปิด แต่หากไม่มีก็ปิด หรือสั่งเปิด – ปิด ไฟจากระยะไกลก็ได้
นอกจากนี้สามารถนำมาประยุกต์ใช้เพื่อการรักษาความปลอดภัยได้อีกด้วย โดยสั่งให้เตือนเข้าสมาร์ทโฟนหากมีการเปิดไฟในบ้าน หรืออาคาร และถ้า ณ ขณะนั้นไม่มีใครอยู่เลย ย่อมแสดงว่ามีผู้บุกรุก เราสามารถสั่งกล้องวงจรปิดดูได้ว่า เป็นผู้ร้ายหรือเปล่า หากใช่ ก็สามารถแจ้ง รปภ. หรือตำรวจได้ทันท่วงที
ไม่เพียงเชื่อมต่อกับระบบ IoT แต่หลอด LED สามารถประยุกต์ใช้กับโซล่าเซลล์ได้อย่างลงตัว จึงทำให้มีช่องทางประหยัดพลังงานได้หลากหลาย
นวัตกรรมหลอด LED นั้นถูกสร้างมาเพื่อประหยัดพลังงาน เพื่อความยั่งยืนของพลังงานมาตั้งแต่ต้น ซึ่งตัวมันเองมีประสิทธิภาพสูงอยู่แล้ว ทั้งนี้หากผู้ใช้มองเห็นโอกาสประยุกต์เข้ากับเทคโนโลยีต่าง ๆ อย่างที่ยกมาเป็นตัวอย่างก็จะยิ่งเพิ่มความสามารถของ LED ได้ยิ่งขึ้น ที่สำคัญเพิ่มศักยภาพให้องค์กรได้อีกหลายเท่าตัว