AI Technology

19.09.2025

Meta Ray-Ban Display แว่นตา AI รุ่นแรกที่มีจอ พร้อมเขย่าวงการ Wearable Tech

เมื่อคืนที่ Meta งาน Connect 2025 นำเสนอสินค้าฮาร์ดแวร์ใหม่ที่น่าจับตามองมากที่สุดตัวหนึ่งของปี — Meta Ray-Ban Display — ซึ่งถือเป็นครั้งแรกที่แว่นอัจฉริยะของ Meta มี จอแสดงผลในตัว (built-in display) พร้อมระบบควบคุมด้วยท่าทางผ่านสายรัดข้อมือที่เรียกว่า Meta Neural Band โดยตั้งราคาที่ 799 ดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 25,000 บาท)

สินค้าชุดนี้คือความพยายามของ Meta ที่จะขยับจากการเป็นแค่ผู้ผลิตแว่นอัจฉริยะที่เน้นกล้องและเสียง ไปสู่การเป็น “อุปกรณ์ AI สวมใส่ (wearable AI)” ที่สามารถทำงานร่วมกับชีวิตประจำวันได้คล่องตัวขึ้น ไม่จำเป็นต้องหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาบ่อย ๆ เพราะข้อมูลสำคัญ ป๊อปอัป การแจ้งเตือน รูปภาพ ข้อความ หรือทิศทางเดินทาง สามารถแสดงผลผ่านเลนส์แว่นได้เลย ผู้ใช้ยังสามารถควบคุมทุกอย่างด้วยท่าทางมือเล็กน้อย เช่น ปัด นิ้วบีบ ยกข้อมือ หรือหมุนข้อมือ ผ่าน Neural Band ที่ติดตั้งเซ็นเซอร์ EMG (Electromyography) ที่ตรวจจับการส่งสัญญาณจากกล้ามเนื้อมือก่อนที่ท่าทางจะชัดเจนให้เห็นด้วยตาเปล่า จอแสดงผลถูกติดตั้งในเลนส์ด้านขวาแบบ off-to-the-side (ไม่บังวิสัยทัศน์หลักของดวงตา) และไม่ได้สว่างหรือแสดงผลตลอดเวลา แต่ปรากฏขึ้นเฉพาะเมื่อจำเป็นเท่านั้น เช่น ดูข้อความ ซูมกล้อง นำทาง เดินทาง หรืออ่านข้อความขณะสนทนา โดยให้ประสบการณ์ที่ไม่ทำให้ผู้ใช้รู้สึกว่าเหมือนมีหน้าจอวางอยู่ตรงหน้าเต็มตา แต่จะเป็น “มุมมองเล็ก” (glanceable view) ที่อยู่ข้าง ๆ เพื่อให้สายตายังพอง่ายกับโลกจริงอยู่เสมอ

สำหรับเรื่องแบตเตอรี่ คือแว่นสามารถใช้งานแบบผสมผสาน (“mixed use”) ได้ราว 6 ชั่วโมง และมีเคสชาร์จเสริมที่ช่วยยืดอายุการใช้งานรวมได้ถึง 30 ชั่วโมง เมื่อรวมกับเคส Facebook+2SPACE4GAMES+2 ส่วน Neural Band เองให้แบตอยู่ได้ถึง 18 ชั่วโมง ในการใช้งานสายรัดข้อมือโดยเฉพาะ และมีขนาด น้ำหนัก และการออกแบบที่คำนึงถึงความสบายและความทนทาน รวมถึงการกันน้ำ IPX7

Meta ไม่ได้ว่าแค่นี้แล้วจบ — ฟีเจอร์อื่น ๆ ที่ผสานกับจอและสายรัด ได้แก่ การแสดงผลข้อความจาก WhatsApp, Instagram, Messenger, การโทรวิดีโอแบบเรียลไทม์ บริการแปลภาษาและแคปชั่นสด (live captions / translations) ช่องทางมองภาพถ่ายก่อนโพสต์หรือแชร์ รูปแบบมุมมองกล้องซูม (preview & zoom) การนำทางสำหรับคนเดินทาง (pedestrian navigation) อีกทั้งยังปรับเพลง เล่นเพลง เปลี่ยนเพลง ปรับเสียง ได้โดยใช้ท่าทางแทนการหยิบโทรศัพท์หรือแตะหน้าจอ

แม้จะมีจุดเด่นที่ชัดเจน แต่ก็มีสิ่งที่ผู้ใช้ควรตั้งคำถามหรือคลางแคลงใจเล็กน้อย เช่น ประสิทธิภาพในชีวิตจริงว่า “6 ชั่วโมง” เพียงพอหรือไม่เมื่อมีการใช้งานจริงที่ต่อเนื่อง การมองเห็นในสภาวะแสงจ้า ความสบายเมื่อใส่ทั้งวัน รวมถึงราคาที่ค่อนข้างสูงโดยเฉพาะสำหรับตลาดที่ค่าครองชีพต่างกัน และเรื่องความเป็นส่วนตัว เช่น การถ่ายภาพ การบันทึกเสียง หรือการแปล – ต้องมีมาตรการชัดเจนว่าข้อมูลจะถูกจัดการอย่างไร

ภาพรวมแล้ว Meta Ray-Ban Display คือก้าวใหม่ที่ชัดเจนของ Meta ที่ไม่ได้มองแว่นอัจฉริยะเป็นแค่แกดเจ็ตเสริม หรือของเล่นสำหรับคนไฮเทค แต่มองเป็นอุปกรณ์ AI ในชีวิตประจำวันที่อาจแทนที่บางครั้งที่เราต้องหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา โดยเฉพาะกับคนที่อยากเข้าถึงข้อมูลอย่างรวดเร็ว ไม่อยากพะวงเรื่องการถือหรือแตะหน้าจอบ่อย ๆ มันยังบ่งบอกว่าทิศทางของวงการ wearable tech กำลังมุ่งไปสู่ “การสัมผัสน้อยลง (less touch)” “อินเตอร์แอคชันที่เป็นธรรมชาติขึ้น” และ “อยู่ร่วมกับโลกจริงได้โดยไม่โดดออกมา”

ผู้เขียน: ก้องปพัฒน์ กำจรจรุงวิทย์

RECOMMEND