ข้อมูลจากสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) กระทรวงพลังงาน ระบุว่า พ.ศ. 2567 มีการจดทะเบียนยานยนต์ไฟฟ้าประเภท BEV ทั้งสิ้น 96,736 คัน ในจำนวนนี้เป็นรถยนต์นั่งและกระบะถึง 70,589 คัน แต่หากเทียบกับนโยบาย 30@30 ของคณะกรรมการนโยบายยานยนต์ไฟฟ้าแห่งชาติ ที่กำหนดเป้าหมายว่า จะผลิตยานยนต์ไฟฟ้า (EV) ที่ปล่อยมลพิษเป็นศูนย์ (ZEV) ให้ได้ 30% ภายใน พ.ศ. 2573 (คศ.2030 จึงเป็นที่มาของชื่อ 30@30) ถือว่ายังเหลืออีกครึ่งทาง เพราะเป้าหมายวางว่าจะต้องมีการใช้งานรถยนต์นั่งไฟฟ้าและกระบะไฟฟ้า 440,000 คัน หากนับเพียงถึง พ.ศ. 2567 มียอดสะสม 227,490 คัน
จากอดีตกระทั่ง พ.ศ. 2568 ยอดขายรถยนต์ไฟฟ้ามีขึ้นมีลง แต่กูรูหลายสำนัก ยืนยันตรงกันว่า อนาคตรถยนต์ไฟฟ้าสดใส และเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ แน่นอน
มาถึงครึ่ง พ.ศ. 2568 เฟซบุ๊กแฟนเพจ ‘EV Thailand รถยนต์ไฟฟ้า’ รายงานว่า รถยนต์ไฟฟ้าไทยมียอดขายรวม 302,694 คัน แสดงว่าเพิ่มมาจากสิ้น พ.ศ. 2567 อีกเกือบ 1 แสนคัน แม้ข้อมูลบอกว่าหากเทียบกับ พ.ศ. 2567 ลดลงเล็กน้อย แล้วทำไมกูรูหลายสำนักบอกว่าจะเพิ่มขึ้น
ทำไมรถยนต์ไฟฟ้าในไทยถึงสดใส
สาเหตุที่รถยนต์ไฟฟ้าในไทยจะสดใส แน่นอนว่าเพราะนโยบายที่ส่งเสริมให้มีการใช้ 440,000 คันภายใน พ.ศ. 2573 นั่นเอง
นอกจากนโยบายข้างต้น สิ่งที่เป็นรูปธรรมตามมา คือ โครงสร้างภาษีสรรพสามิตใหม่ใน พ.ศ. 2569 ที่ลดภาษีรถยนต์ไฟฟ้าเซลล์เชื้อเพลิง (Fuel Cell Electric Vehicle – FCEV) จากเดิม 5% เหลือเพียง 1%
ส่วนรถยนต์ไฟฟ้าประเภท BEV นั่นได้รับการส่งเสริมต่อเนื่องมาตลอด ปัจจุบันอยู่ที่ 2%
นอกจากนโยบายจากภาครัฐแล้วนวัตกรรมด้านแบตเตอรี่ ที่หลายคนกังวลเพราะระยะเริ่มแรกราคาสูงกว่า 70% ของราคารถ ก็มีราคาถูกลงอย่างมาก ข้อต่อมา คือ หลายภาคส่วนให้ควาสมำคัญต่อการอนุรักษ์ธรรมชาติ และประหยัดพลังงาน ประเด็นต่อมา คือ เทคโนโลยีที่ดีขึ้น ทำให้รถยนต์ไฟฟ้าต่ออินเตอร์เน็ตได้เสถียร มีสมรรถภาพสูง วิ่งในระยะที่ไกลขึ้น สมบุกสมบันขึ้น มีสถานีชาร์จที่มากขึ้น ฯลฯ
FCEV กับ BEV แตกต่างกันอย่างไร
จากเนื้อหาข้างต้นเห็นได้ว่า เมื่อกล่าวถึงยานยนต์ไฟฟ้า มีทั้งประเภท FCEV กับ BEV สองประเภทนี้ต่างกันอย่างไร ขออธิบายดังนี้
BEV ย่อมาจาก Battery Electric Vehicle คือ รถยนต์ไฟฟ้า ที่ได้พลังจากแบตเตอรี่มาขับเคลื่อน
FCEV ย่อมาจาก Fuel Cell Vehicle เป็นรถยนต์ไฟฟ้าที่ใช้เซลเชื้อเพลิงเช่น ไฮโดรเจน มาขับเคลื่อน
ทั้ง FCEV กับ BEV ล้วนเป็นรถยยนต์ไฟฟ้า แต่แตกต่างที่การสร้างพลังงาน ส่วน FCEV เป็นนวัตกรรมอีกขั้น ลดการสร้างมลพิษมากกว่า BEV
นวัตกรรมรถยนต์ไฟฟ้าไม่เคยหยุดนิ่ง แล้วคิดหรือว่ารถยนต์ไฟฟ้าในไทยจะหยุดอยู่กับที่
—————————————————————————————————
อ้างอิง
https://www.ev-roads.com/content/36861/%E0%B8%A2%E0%B8%AD%E0%B8%94%E0%B8%88%E0%B8%94%E0%B8%97%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0%B8%9A%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%99-bev-ปี-2567-ปิดที่-96736-คัน-byd-ครองแชมป์เก๋งไฟฟ้าไม่เกิน-7-คน