AI Technology

14.11.2025

จากข้อมูลในอดีตสู่การวางแผนแห่งอนาคต ทำความเข้าใจพลังของ AI และ Predictive Analytics เพื่อพลิกโฉมองค์กร

ในการทำธุรกิจ หากองค์กรใดศึกษาอดีตได้แตกฉาน ย่อมมีศักยภาพเหนือคู่แข่ง เพราะสามารถทำนายอนาคตได้อย่างแม่นยำ วางแผนธุรกิจได้ตรงกับความต้องการของตลาด ปัจจุบันเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพสำหรับช่วยวิเคราะห์ข้อมูลในอดีตเพื่อเข้าใจอนาคต คือ เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) ดั่งนิยามที่ Looloo Technology Co., Ltd. แหล่งรวมคนไทยหัวกะทิสาย Tech ยกขึ้นมาชูว่า “ไม่ต้องกลัวว่า AI จะมาครองโลกแทนคน ควรจะกลัวว่าคู่แข่งที่มี AI จะเข้ามาแทนที่คุณหรือไม่ ในอนาคตจะดีกว่า”

บทความนี้เราขอนำผู้อ่านมาทำความเข้าใจความสำคัญของ AI-Powered Predictive Analytics & Decision Intelligence หรือการนำข้อมูลในอดีต และปัจจุบันมาให้ AI วิเคราะห์อนาคต เพื่อความยั่งยืนของธุรกิจ โดยผ่านการสัมภาษณ์ คุณพิรดนย์ เพิ่มผล Business Development จาก Looloo Technology Co., Ltd.

Looloo Technology แหล่งรวมคนไทยหัวกะทิสาย Tech
Looloo Technology (ลูลู่ เทคโนโลยี) เป็นบริษัทที่ให้คำปรึกษาด้าน AI และให้บริการ AI Solutions ที่ปรับแต่งตามความต้องการของลูกค้า เพื่อตอบโจทย์ความต้องการเฉพาะตัว โดย Looloo ถือเป็นแหล่งรวมคนไทยที่เชี่ยวชาญด้าน AI ชั้นหัวกะทิ เพราะทีมงานร่วม 100 คน ล้วนผ่านประสบการณ์ในเวทีระดับโลก ได้แก่ Google, Oracle, Facebook, JPMorgan Chase และ Bain & Company นอกจากนี้ยังเคยมีส่วนร่วมในโครงการให้กับองค์กรขนาดใหญ่อย่าง Walmart, Visa และ Apple อีกด้วย

สำหรับมุมมองการให้บริการ Looloo มองตัวเองเป็นเหมือน Partner ที่เข้าไปช่วย Transform องค์กรแต่ละที่ให้สามารถพัฒนา และเพิ่มประสิทธิภาพสูงขึ้น โดยจะเข้าไปช่วยเหลือ ดูแลตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำ เรียกได้ว่าตั้งแต่เริ่มต้นจนสำเร็จนั่นเอง โดยทาง Looloo จะเริ่มด้วยการหาความต้องการที่แท้จริง หรือ Goal ของลูกค้าว่าคืออะไร มีจุดเด่น จุดด้อยอย่างไร แล้วจึงค่อยพัฒนาและนำเสนอโซลูชั่นเข้ามาใช้ให้เหมาะสม

เรื่องการให้บริการ คุณพิรดนย์ กล่าวเพิ่มเติมว่า “ต่อให้เราเป็นบริษัทเทคโนโลยี แต่ก็ต้องมีความเข้าใจลูกค้าในมุมมองด้านธุรกิจเหมือนกัน เพราะจะทำให้โซลูชั่นถูกนำไปใช้งานได้จริง นอกจากนี้เมื่อส่งมอบโซลูชั่นให้ลูกค้าแล้ว เราก็ยังมีการคอยติดตาม และทำการพัฒนาตัวระบบให้สามารถตอบโจทย์องค์กร รวมทั้งตอบโจทย์ผู้ใช้งานได้ตลอดเวลาอีกด้วย”

จากแนวทางการบริการที่ดูแลตั้งแต่เริ่มต้นจนกระทั่งสำเร็จ คุณพิรดนย์ สรุปการบริการของ Looloo เพื่อให้เข้าใจง่ายออกมาเป็น 2 ประการ

1. Predictive Analytics เป็นการนำ AI มาวิเคราะห์ข้อมูลในอดีตในทุกมิติ ไม่ว่าจะเป็นยอดขาย ไปจนถึงการดูแลบำรุงรักษาระบบต่าง ๆ ฯลฯ เพื่อคาดการณ์อนาคตที่น่าจะเกิดขึ้น

2. พัฒนา AI ที่เหมาะกับคนไทย เนื่องจากแม้ปัจจุบันจะมีโซลูชั่นด้าน AI ออกมามากมาย แต่ AI ที่เข้าใจภาษาไทย เข้าใจคนไทย และเข้าใจวัฒนธรรมขององค์กรในประเทศไทยอย่างถ่องแท้ยังมีน้อย ยกตัวอย่าง SIRI ในโทรศัพท์หากสอบถามด้วยภาษาอังกฤษ SIRI จะตอบสนองได้อย่างราบรื่น ในทางกลับกันถ้าเป็นภาษาไทยอาจมีสะดุดบ้าง โดยเฉพาะศัพท์เฉพาะที่มันไม่เข้าใจ Looloo ได้มองเห็นโอกาสตรงนี้จึงมุ่งมั่นพัฒนาจุดอ่อนให้เข้มแข็ง ซึ่งก็ตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าได้มาก ปัจจุบัน Looloo มีโอกาสได้ทำงานกับภาครัฐและเอกชน ที่เป็นองค์กรชั้นนำในหลายอุตสาหกรรม ไม่ว่าจะเป็นด้าน Health care ซึ่งให้บริการโรงพยาบาลมากกว่า 40 แห่งทั่วประเทศ ด้านโทรคมนาคม ธุรกิจประกันภัย ธุรกิจ Retail เจ้าใหญ่ของประเทศ ฯลฯ

ความใส่ใจลูกค้าของ Looloo Technology นั้น จะเห็นได้ว่าอยู่ในทุกส่วนของการทำงาน ไม่เว้นแม้กระทั่งชื่อ และโลโก้ คุณพิรดนย์ เผยถึงที่มาของชื่อ LooLoo ที่เรียกง่าย ดูเป็นมิตรว่า มาจาก 100 กับ 100
100 แรก คือ ลูกค้า ที่ Looloo เชื่อว่า ทุกองค์กรมีความตั้งใจ 100% อยู่แล้ว
100 ถัดมา คือ บริษัท Looloo ที่จะนำ AI และบริการต่าง ๆ เข้ามาช่วยเพิ่มศักยภาพให้ลูกค้า
จาก 2 นิยามนี้จึงกลายเป็น 100 ยกกำลัง 100 นั่นเอง

AI ช่วย Predictive และช่วยธุรกิจตัดสินใจเรื่องต่าง ๆ อย่างมีประสิทธิภาพได้อย่างไร?
เพื่อความชัดเจนของคำตอบที่ว่า AI ช่วย Predict หรือคาดการณ์อนาคตเพื่อให้ธุรกิจตัดสินใจเรื่องต่าง ๆ อย่างมีประสิทธิภาพได้อย่างไรนั้น คุณพิรดนย์ ขอพาเราย้อนกลับไปในยุคที่เริ่มปฎิวัติอุตสาหกรรมใหม่ ๆ โดยยกกรณีศึกษาการผลิตรถยนต์ของ FORD ขึ้นมา

“การผลิตรถยนต์ในช่วงประมาณ 100 ปีที่แล้ว ต้องประกอบทีละชิ้น ตอนนั้นยังไม่มีใครนำตัว automation เข้ามาช่วยผลิต การแข่งขันจึงอยู่ในระดับเดียวกัน แต่แล้วฟอร์ดเขาก็เริ่มค้นคว้าเทคโนโลยีเกี่ยวกับ automation ในอุตสาหกรรมการผลิตรถยนต์ขึ้น กระทั่งนำมาประยุกต์ในองค์กรของตัวเอง ส่งผลให้ฟอร์ดผลิตรถได้เร็วขึ้น มีประสิทธิภาพมากขึ้น ลดข้อผิดพลาดลงได้มาก ภายใน 10 ปีหลังจากนั้น ฟอร์ดสามารถครองส่วนแบ่งในตลาดได้มากกว่าครึ่ง”

“ดังนั้นผมมองว่าสิ่งที่ AI จะเข้ามาทำให้องค์กรในยุคปัจจุบันประสบความสำเร็จ จะคล้ายกับการปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งก่อน นั่นคือ คนที่ปรับตัวเร็วก็จะยิ่งได้เปรียบ แล้วสามารถที่จะ take all หรือ winner takes all นั่นเอง”

สำหรับคำตอบที่ว่า AI ช่วย Predict หรือคาดการณ์อนาคตเพื่อให้ธุรกิจตัดสินใจเรื่องต่าง ๆ อย่างมีประสิทธิภาพได้อย่างไรนั้น คุณพิรดนย์ กล่าวว่า AI สามารถที่จะทำให้องค์กรเห็นภาพอนาคตจากข้อมูลในอดีตได้ พร้อมยกตัวอย่างประกอบอย่างเห็นภาพว่าช่วยได้อย่างไร

คุณพิรดนย์ ขอให้ลองจินตนาการว่า เราคือบริษัทผลิตน้ำดื่มบริษัทหนึ่ง ที่ทุก ๆ ครั้ง ทุก ๆ วัน ทุก ๆ สัปดาห์ ต้องมาวิเคราะห์หา What? / Where? / How?
What คือ จะขายสินค้าตัวไหน หรือ SKU ไหน (SKU คือ ประเภทของสินค้า เช่น น้ำขวดเล็ก น้ำขวดใหญ่ เป็นต้น)
Where คือ ขายที่ไหน
How คือ ขายยังไง และขายเท่าไร

จาก What? / Where? / How? สมมติสินค้าของเรามี 200 ชนิด ต้องส่งไปขายยังร้านสะดวกซื้อทั่วประเทศ 300,000 แห่ง อีกทั้งเรายังมีโกดังอีก 6 แห่ง ที่ต้องส่งสินค้าเข้าไปสต็อกไว้สัปดาห์ละ 2 ครั้ง

เมื่อให้จินตนาการเป็นภาพแล้ว คุณพิรดนย์ จึงอธิบายว่า “ลองคิดดูครับ ถ้าไม่ใช้ AI ในการ Predictive เราก็ต้องใช้มนุษย์ทำ ตั้งแต่การจ้างแพลนเนอร์มาดูว่าสินค้าชิ้นนี้ต้องไปตรงไหน หรือชิ้นไหนต้องมาตรงนี้ ซึ่งมันใช้เวลา และมีโอกาสเกิดข้อผิดพลาดสูง”

“ทีนี้จากตัวอย่างเมื่อสักครู่ ที่บอกว่ามีสินค้า 200 ชิ้น กับ 300,000 สาขา แล้วก็ 6 โกดัง หากนำมาคำนวณถึงเหตุการณ์ที่จะสามารถเกิดขึ้นได้ทั้งหมด จะได้ผลลัพธ์ที่เป็นไปได้เยอะมากนะครับ เยอะกว่าจำนวน Atoms ในจักรวาลซะอีก ทำให้เป็นการยากมากที่มนุษย์จะสามารถวิเคราะห์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และแม่นยำเทียบเท่า AI”

“ดังนั้นสิ่งที่ผมอยากจะสื่อคือ ถามว่ามนุษย์วิเคราะห์ตลาด วางแผนธุรกิจได้ไหม? คำตอบคือ ได้ แต่ได้ในระดับหนึ่ง ถ้าหากสเกลใหญ่ขึ้น หรือมีภาคส่วนต่าง ๆ เพิ่มเข้ามามากขึ้น จะเริ่มเห็นแล้วว่า ด้วยขีดจำกัดของมนุษย์ ทำให้ไม่สามารถสู้เทคโนโลยีได้ จึงต้องนำ AI เข้ามาช่วยวิเคราะห์ข้อมูลในอดีต เพื่อทำนายอนาคต และวางแผนต่าง ๆ เพื่อให้มนุษย์สามารถนำข้อมูลที่ได้มาลงมือ action ต่อไป”

AI Predictive โซลูชั่นใช้อดีตทำนายอนาคต จากทาง looloo Technology
เห็นภาพรวมกันแล้วว่าการ Predictive นั้นมีความสำคัญ และเกิดข้อดีอย่างไร สำหรับโซลูชั่นต่าง ๆ ที่เข้ามายกระดับศักยภาพขององค์กรจากทาง Looloo Technology นั้น ประกอบด้วย

1. Demand Prediction เป็นโซลูชั่นที่ช่วยในเรื่องของการเพิ่มยอดขาย โดยการลดช่องว่างด้านการ Stock สินค้า กล่าวคือช่วยไม่ให้เกิด stock น้อย หรือมากกว่าความจำเป็น โดยการนำ AI เข้ามา Predict หรือคาดการณ์ เพื่อให้รู้ว่าอนาคตจะต้องขายสินค้าจำนวนเท่าไร ในเวลาไหน และแต่ละร้านค้า จะต้องนำสินค้าจากโกดังไหนไปส่ง ทำให้จัดการ Stock ได้อย่างลงตัว เกิดการขนส่งที่มีประสิทธิภาพ สามารถลด waste หรือขยะ ที่อาจเกิดขึ้นได้

2. New SKU recommendation คือการแนะนำสินค้าใหม่ให้กับลูกค้า โดยไม่ใช่เพียงแค่มอบหน้าที่ให้แคชเชียร์เป็นคนเสนอ แต่เป็นแบบอัตโนมัติที่เมื่อลูกค้าหยิบสินค้าหนึ่งชิ้นแล้วตัดสินใจเลือกซื้อสินค้าใหม่ที่นำเสนอเอง เช่น เว็บไซต์ amazon เมื่อลูกค้าซื้อหนังสือแล้ว จะมีหนังสือแนะนำปรากฏเป็นกรอบพิเศษขึ้นมา เป็นต้น ซึ่งรูปแบบนี้เป็นการใช้ AI เข้ามาช่วย

สำหรับข้อเด่นด้านโซลูชั่นแนะนำสินค้าใหม่ของ Looloo นั้น สามารถลงลึกไปถึงขั้นที่ว่า เวลาร้านค้าจัดวางสินค้า ต้องวางอะไรคู่กับอะไร หรือการวางแบบไหน ที่จะทำให้ลูกค้ามีความรู้สึกว่า ‘ฉันอยากจะหยิบ 2 สิ่งนี้คู่กัน’

3. Predeictive Maintenance คือโซลูชั่นที่นำ AI มาคาดการณ์อัตราการเสียของเครื่องจักรในโรงงานเพื่อที่จะช่วยลด down time หรือช่วงเวลาที่เครื่องจักรเสียลง แล้วยังสามารถวางแผนการ Maintenance เครื่องจักรต่าง ๆ ในโรงงานให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด

ความท้าทายของการ Implement Solution AI Predictive

การ Implement Solution AI Predictive เป็นการทำเทคโนโลยี และสิ่งใหม่ที่เข้ามาใช้ภายในองค์กร ย่อมกระทบกับวัฒนธรรมการทำงานแบบเดิม ดังนั้นจึงมีความท้าทายเกิดขึ้นเสมอ สำหรับความท้าทายที่เกิดกับ Looloo technology พบเจอจากประสบการณ์การให้บริการลูกค้ามีดังนี้

1. คุณภาพของข้อมูล (Data Quality) คุณภาพของข้อมูลถือเป็นความท้าทายที่สำคัญ เพราะการทำให้ AI เก่ง ข้อมูลที่ป้อนให้เรียนรู้ต้องมีคุณภาพที่ดี มีปริมาณที่เพียงพอ และเป็นดิจิทัล ความท้าทายที่ Looloo เจอ ได้แก่ บางองค์กรไม่มีการเก็บข้อมูลเป็นดิจิทัล ยังคงเก็บในรูปแบบกระดาษ ส่งผลให้เมื่อจะเริ่มพัฒนา Solution AI Predictive ต้องใช้เวลานาน

ด้านคุณภาพของข้อมูล แม้อยู่ในรูปแบบดิจิทัลแล้ว มีปริมาณมากพอ แต่หลายครั้งก็ใช้ไม่ได้ เพราะข้อมูลไม่สะอาด รวมทั้งไม่เป็นระเบียบ ประเด็นนี้ คุณพิรดนย์ ยกตัวอย่างว่า
“บางบริษัทเก็บข้อมูลเป็นดิจิทัลเยอะมาก แล้วเป็นองค์กรใหญ่ หลายแผนก มีพนักงานหลักหมื่น แต่สิ่งที่เราเจอ คือ ข้อมูลถูกเก็บกระจาย ไม่มีแบบแผน ทีม A อยากเก็บแบบนี้ ทีม B อยากเก็บแบบนั้น ก็เก็บตามใจชอบ เก็บตามแบบของใครของมัน ไม่มีจุดเชื่อม ไม่มีความเป็น Centralization อุปสรรคของข้อมูลที่กระจัดกระจาย คือ ทำให้ AI ไม่สามารถ Learn ได้อย่างเป็นระบบ”

“นิยามพื้นฐานความสามารถของ AI คือ มันทำในสิ่งที่คนทำได้ และก็ทำเก่งกว่ามาก ๆ ด้วย แต่สิ่งใดที่คนเองยังทำไม่ได้ ก็จะกลายเป็นความท้าทายของ AI เหมือนกัน เพราะฉะนั้นถ้าข้อมูลใดที่แม้แต่ตาคนอ่านยังไม่ออก AI ก็เกิดความท้าทายขึ้นมาเหมือนกัน ดังนั้นคุณภาพของข้อมูลจึงสำคัญเป็นอันดับแรก”

แนวทางรับมือ
ความท้าทายด้านคุณภาพของข้อมูล คุณพิรดนย์ แนะนำแนวทางแก้ไขไว้ว่า
“ควรเตรียมข้อมูลให้พร้อมก่อนเริ่ม Implement โดยเปลี่ยนจากข้อมูลที่เป็น Hard Copy หรือกระดาษ ให้เป็นดิจิทัล บันทึกไว้ในระบบเพื่อให้ข้อมูลทุกอย่างเป็น centralization”

2. ความท้าทายด้าน Management หรือการจัดการภายในองค์กร คุณพิรดนย์ อธิบายว่า ณ ปัจจุบันแทบทุกองค์กรรู้จัก AI เพราะเป็นกระแสที่มาแรง และอยากนำ AI มาใช้ในองค์กร โดยไม่รู้ว่าจะนำมาช่วยอะไร ไม่มีเป้าหมายว่าจะใช้ในเรื่องเพิ่มยอดขาย ลดต้นทุน เพิ่มคุณภาพงาน หรือลดภาระของบุคลากร จึงเป็นความท้าทายที่ต้องแนะนำ ให้องค์กรเห็นภาพที่ชัดเจนก่อน Implement

3. ความท้าทายด้านทีมงานรับผิดชอบ คุณพิรดนย์ ให้เหตุผลว่า เนื่องจากหลายองค์กรยังขาดทีมที่ดูแลด้าน AI โดยตรง เมื่อจะ Implement ระบบ ก็มักมอบหน้าที่ให้ฝ่าย IT ของบริษัทรับผิดชอบ ความท้าทายด้านทีมงานรับผิดชอบ คือ บางองค์กรมีหลายแผนก การจะ Implement ระบบขึ้นมาจึงไม่ได้จบแค่ทีม IT เท่านั้น เช่น บริษัท Retail ค้าปลีก ที่มีทีม Supply Chain ทีม Data ทีมผู้จัดการ ทีมจัดซื้อ ฯลฯ แต่ละทีมก็มีความต้องการที่ต่างกัน หากไม่มีการกำหนดผู้นำโปรเจคขึ้นมาก็จะยุ่งเหยิงกันไปหมด

แนวทางรับมือ
สำหรับแนวทางแก้ไขความท้าทายด้านที่ 2 และ 3 คุณพิรดนย์ แนะนำว่า
“ขอยกตัวอย่าง Chat gpt ระหว่างคนที่ใช้ Chat gpt กับคนที่ไม่ใช้ จะเห็นเลยว่า ความสามารถในการทำงานต่างกันมาก คนที่ใช้ Chat gpt จะทำงานได้รวดเร็วมากกว่า (มาก ๆ) เพราะมี Mindset ในการประยุกต์สิ่งใหม่ ๆ เข้ามาใช้ ดังนั้นผมจึงมองว่า องค์กรควรหาคนแบบนี้ ที่มีความเท่าทัน Technology และมีแนวความคิดในการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีใหม่ ๆ เข้ามาอยู่ในบริษัทให้ได้เยอะ ๆ เพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงในอนาคต”

“หนึ่งในกรณีตัวอย่างที่เคยเจอ พบว่าเมื่อพัฒนาโซลูชั่นทุกอย่างเสร็จแล้ว บุคลากรในองค์กรมีที่ใช้โซลูชั่นจริง ๆ ประมาณ 60% อีก 40% เขาไม่ใช้ ด้วยเหตุผลว่า ทำแบบเดิมมา 20 – 30 ปีแล้ว อยากจะทำแบบนี้ต่อ ถามว่าเขาผิดไหม? ก็ไม่ผิดครับ แต่คนเราย่อมต้องมีการพัฒนาเพื่อให้เท่าทันคนอื่น ดังนั้นผมจึงมองว่าในอนาคต ถ้าองค์กรอยากปรับตัวแล้วทำให้ก้าวไปข้างหน้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ น่าจะต้องสรรหาและรักษาคนที่พร้อมประยุกต์เหล่านี้ให้ได้เยอะ ๆ”

4. ความท้าทายด้านวิสัยทัศน์ของผู้นำ ความท้าทายนี้ถือว่าเป็นเรื่องที่ครอบความท้าทายทั้ง 3 ข้างต้นเลยทีเดียว เพราะถ้าผู้นำขาดวิสัยทัศน์ หรือความเข้าใจที่ดีต่อ AI ว่าปัญญาประดิษฐ์นี้ช่วยธุรกิจของตัวเองได้อย่างไรบ้างก็จะเกิดเป็น Challenge ที่สูงมาก

“คีย์หลักของ AI ผมมองว่า จะมีคุณค่าก็ต่อเมื่อตอบโจทย์ธุรกิจได้ ไม่ใช่ตอบโจทย์เทคโนโลยีตามที่ทุกคนต้องการ” คุณพิรดนย์ ให้ข้อคิด

แนวทางรับมือ
สำหรับแนวทางแก้ไขความท้าทายด้านผู้นำองค์กร คุณพิรดนย์กล่าวว่า
“ผมมองว่าผู้นำองค์กรหากเริ่มมีความคิดที่อยากนำ AI มาใช้ ควรกำหนด Business Goal ของตัวเองให้ได้ก่อนว่า สิ่งที่อยากเอามาช่วยคืออะไร ไม่ว่าจะเป็นเพื่อลดต้นทุน เพิ่มยอดขาย ลดภาระงานบุคลากร เพิ่มคุณภาพผลิตภัณฑ์ หรือสร้างความเป็น automation ฯลฯ ถ้า Goal ชัดแล้ว หลังจากนั้นทุกอย่างจะง่ายขึ้น”

Solution ที่เหมาะกับองค์กรขนาดเล็กจากทาง Looloo Technology
จากการสัมภาษณ์จะเห็นว่าคุณพิรดนย์ ยกตัวอย่างองค์กรขนาดใหญ่อยู่บ่อย ๆ แม้ตัวอย่างจะเป็นกรณีศึกษาจากบริษัทใหญ่ แต่ไม่ได้หมายความว่า ไม่มีบริการสำหรับ SME ซึ่งโซลูชั่นที่มีก็สามารถเพิ่มประสิทธิภาพให้องค์กรขนาดเล็ก และกลางได้อย่างมาก

“เราให้บริการองค์กรขนาดเล็กเช่นกัน หลัก ๆ มี 2 solution” คุณพิรดนย์ กล่าว พร้อมอธิบายสรุปดังนี้

1. Optical Character Recognition (OCR) เป็นโซลูชั่นที่ช่วยแปลงข้อมูลจากกระดาษ หรือเอกสารทั้งที่เป็นลายมือ และตัวพิมพ์ โดยเมื่อนำเอกสารไปสแกนแล้วให้ระบบอ่าน AI ก็จะอ่าน และดึงข้อมูลไปจัดเก็บไว้เป็นหมวดหมู่อย่างมีระเบียบ

ระบบ OCR ปัจจุบันมีผู้ให้บริการหลายบริษัท เพราะสะดวก แต่จุดเด่นของ Looloo Technology คือ AI เข้าใจภาษาไทยอย่างลึกซึ้งทั้งลายมือ และตัวพิมพ์

นอกจากเข้าใจภาษาไทยอย่างดีแล้ว โซลูชั่น OCR นี้ ยังมีการเพิ่ม value ให้กับองค์กรอีกด้วย โดยไม่ว่าเอกสารจะมีมากมายขนาดไหน มีข้อมูลที่หลากหลายเพียงใด เช่น บัตรประชาชน ที่อยู่ หรือประวัติส่วนตัว AI ก็สามารถอ่านและแยกแยะว่าส่วนไหนเป็นข้อมูลอะไร แล้วจัดเก็บเป็นหมวดหมู่ได้อย่างถูกต้องแม่นยำ

“ระบบสามารถเช็คได้ด้วยว่า สิ่งที่อ่านมาสะกดถูกหรือไม่ ข้อมูล make sense ไหม ตรงกันทั้งหมดหรือเปล่า ยกตัวอย่างเช่น ผมจะสมัครบัตรเครดิต ผมอาจจะต้องมีเอกสารบัตรประชาชน เอกสารการสมัครหลายอย่าง ระบบ OCR ของ Looloo ก็สามารถที่จะตรวจสอบได้เลยว่า ที่อ่านไปแล้ว ข้อมูลในทั้ง 2 – 3 เอกสาร ตรงกันไหม ถ้าตรงก็จะส่งเข้าระบบเลย คนไม่ต้องทำอะไรอีก แต่ถ้าไม่ตรง AI ก็จะ auto report หรือแจ้งเตือนให้คนมาดูว่ามันผิดตรงนี้ ต้องติดต่อกลับไปหาลูกค้าใหม่ แล้วสุดท้ายก็สามารถ export หรือนำข้อมูลเข้าระบบได้ โดยที่ไม่ต้องผ่านคนเลย” คุณพิรดนย์ ยกตัวอย่าง

2. Speech to Text เป็นโซลูชั่นแปลงเสียงให้เป็นข้อความ ที่โดดเด่นด้วยการเข้าใจภาษาไทยหลากหลายบริบท คุณพิรดนย์ ได้ยกกรณีตัวอย่างจากโซลูชั่นนี้อย่างน่าสนใจเพราะนำไปใช้ประโยชน์ทางการแพทย์ว่า
“การทำงานของหมอ ปกติจะใช้เวลาประมาณ 40 กว่าเปอร์เซ็นต์ เพื่อจดข้อมูลจากคนไข้ เราก็เลยพัฒนาตัว Speech to Text ขึ้นมา เพื่อทำให้คุณหมอไม่ต้องจดข้อมูลจากคนไข้ เพียงแค่คุย ซักถาม แล้ว AI ก็จะแปลงเสียงนั้นเป็นข้อความให้เอง โดยที่มันสามารถเข้าใจศัพท์ทางการแพทย์ นิยามต่าง ๆ ได้อย่างครบถ้วน ถูกต้อง”

เป้าหมายในอนาคตของ looloo Technology
เมื่อถามถึงเป้าหมายในอนาคต ของ Looloo Technology คุณพิรดนย์ ตอบว่า
“เป้าหมายในอนาคต คือ เราไม่ได้มองว่าเป็นเพียง Vender ที่เข้าไปขายของ แต่เราเป็น Partner ที่อยากจะช่วย Transform องค์กรในประเทศไทย ดังนั้น Goal ของเราก็คือ อยากจะเป็นหนึ่งในตัวแปร ที่สามารถพัฒนาแล้วก็ยกระดับธุรกิจในประเทศไทยให้สามารถแข่งขันเท่าทันโลกได้ครับ”

เมื่อกล่าวถึงเป้าหมายของ Looloo Technology แล้ว คุณพิรดนย์ ก็เปิดเผยว่า เหตุใดที่บริษัทถึงเป็นที่ไว้วางใจจากลูกค้าเสมอมา

“จุดเด่นที่ทำให้ลูกค้าพึงพอใจใน Looloo Technology คือ เราไม่ใช่แค่คนขายของ แต่เราเข้าไปอยู่กับลูกค้าตั้งแต่ขั้นตอนแรกจนถึงขั้นตอนสุดท้าย เพื่อทำความเข้าใจธุรกิจของลูกค้า เข้าใจบริบททั้งหมด แล้วช่วยหา pain point พอได้แล้ว ก็จะมีการพัฒนา Solution และออกแบบให้ตอบโจทย์ User มากที่สุดก่อนที่จะมาพัฒนาดีไซน์ตัว Development พวก System และเทคโนโลยีต่าง ๆ เพื่อให้สามารถแก้ Pain นั้น ๆ ได้ และสุดท้ายค่อยส่งมอบ ลูกค้าจึงมองว่าเราเหมือนเป็นเพื่อน เป็นคนหนึ่งในองค์กรมากกว่าคนที่เข้ามาขายของครับ”

นอกจากที่กล่าวมาแล้วทราบข่าวว่า แม้ส่งมอบงานแล้ว ทาง Looloo Technology ยังมีการติดตามงาน และคอยพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อสามารถอัพเกรดโซลูชั่นของลูกค้าอยู่อย่างต่อเนื่องด้วย

ข้อมูลติดต่อ Looloo Technology
Email: contact@loolootech.com
Tel: 02-028-7557

RECOMMEND