AI Technology

14.11.2025

Generative AI กับการสร้าง Value Chain ใหม่ในองค์กร

ท่ามกลางการแข่งขันที่ทวีความรุนแรงในยุคดิจิทัล องค์กรจำนวนมากเริ่มตระหนักว่า “คุณค่า” ไม่ได้ถูกสร้างเพียงจากผลิตภัณฑ์หรือบริการที่ดีเท่านั้น แต่ถูกสร้างจากกระบวนการทั้งหมดที่เชื่อมโยงกันตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ หรือที่เราเรียกว่า Value Chain การมาถึงของ Generative AI ทำให้ภาพเดิมของ Value Chain ที่เคยคงที่ เริ่มเปลี่ยนเป็นโครงสร้างแบบพลวัตยืดหยุ่น ซึ่งไม่เพียงปรับปรุงประสิทธิภาพ แต่ยังเปิดทางให้เกิด Value Chain รูปแบบใหม่ที่ไม่เคยมีมาก่อน

จุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลงเกิดจากความสามารถของ Generative AI ที่ทำได้มากกว่าแค่ “ช่วยคิด” แต่สร้างข้อมูล สร้างคอนเทนต์ สร้างดีไซน์ สร้างโค้ด หรือแม้กระทั่งสร้างโมเดลธุรกิจต้นแบบได้ในไม่กี่วินาที ความเร็วระดับนี้ทำให้การวิจัย การพัฒนา และการทดลองไอเดียใหม่ในองค์กรไม่ต้องพึ่งทีมจำนวนมากหรือใช้เวลาหลายสัปดาห์เหมือนในอดีต การสร้างนวัตกรรมจึงเกิดขึ้นในรอบเวลาที่สั้นลงเป็นเท่าตัว นำไปสู่ Value Chain ที่เริ่มต้นเร็วขึ้น ทดสอบได้มากขึ้น และปรับตัวได้ไวขึ้น

เมื่อมองไปที่ขั้นตอนการผลิตและการปฏิบัติงาน องค์กรเริ่มย้ายจากระบบอัตโนมัติแบบเดิมที่ทำตามคำสั่ง มาสู่ระบบที่ “คาดการณ์และเสนอแนะ” สิ่งที่ควรทำ เช่น การใช้ Generative AI วิเคราะห์ข้อมูลการผลิตแบบเรียลไทม์ และสร้างคำแนะนำวิธีลดของเสียจากต้นเหตุ หรือเสนอแผนปรับไลน์การผลิตในวันที่ Demand ผันผวนแบบไม่ต้องรอการตัดสินใจจากผู้บริหาร การขยับจากแรงงานมนุษย์ไปสู่การตัดสินใจเชิงอัตโนมัติระดับสูงนี้ ทำให้ Value Chain ใหม่มีความลื่นไหล ไม่ติดขัด และสามารถเปลี่ยนทิศได้ทันทีตามสถานการณ์ตลาด

ในด้านการออกแบบสินค้าและบริการ Generative AI กำลังเปลี่ยนบทบาทของทีม R&D จากผู้สร้าง ไปเป็นผู้คัดเลือกและกำกับทิศทาง AI โดยระบบสามารถสร้างดีไซน์ต้นแบบเป็นร้อยแบบ วิเคราะห์เทรนด์ของผู้บริโภคจากหลายประเทศ และจับคู่ความต้องการของตลาดกับความสามารถขององค์กรได้อัตโนมัติ สิ่งที่เคยต้องใช้เวลาเป็นเดือน ๆ เหลือเพียงไม่กี่ชั่วโมง ทำให้การสร้าง Value Chain ใหม่ในฝั่งนวัตกรรมเน้น “การร่วมมือระหว่างมนุษย์และ AI” มากกว่าการทำงานแบบลำดับขั้นเหมือนเดิม

การขายและการตลาดเองก็ได้รับผลกระทบอย่างลึกซึ้งจาก Generative AI ลูกค้าไม่ได้ต้องการแค่สินค้า แต่ต้องการประสบการณ์เฉพาะตัวในทุกขั้นตอน องค์กรเริ่มใช้ AI สร้างแคมเปญเฉพาะรายบุคคล สคริปต์ขายเฉพาะกลุ่ม หรือแม้แต่คอนเทนต์ต้นแบบนับสิบเวอร์ชันเพื่อทดสอบก่อนปล่อยจริง การจัดการ Demand จึงไม่ใช่การคาดเดาแบบภาพรวม แต่เป็นการคาดการณ์พฤติกรรมรายบุคคล ซึ่งทำให้ Value Chain ด้านลูกค้าเชื่อมโยงกับข้อมูลอย่างแนบแน่น และปรับตัวต่อความต้องการได้แบบ Real-time

หนึ่งในจุดที่ Generative AI สร้างผลกระทบอย่างมากที่สุดคือ “ข้อมูล” เพราะ Value Chain ในยุคใหม่ไม่ได้ขับเคลื่อนจากกระบวนการ แต่ขับเคลื่อนจากความเข้าใจเชิงลึกที่ได้จากข้อมูล AI สามารถสกัดสัญญาณซ่อนเร้น คาดการณ์สถานการณ์อนาคต และสร้าง Insight ที่ต้องใช้ผู้เชี่ยวชาญจำนวนมากในอดีต การมี Insight คุณภาพสูงในเวลาที่สั้นลงทำให้องค์กรตัดสินใจได้ถูกต้องกว่า และพัฒนา Value Chain ในแบบที่สะท้อนความจริงของตลาดมากขึ้น ไม่ใช่จากการสันนิษฐานแบบเดิม

ท้ายที่สุด สิ่งที่องค์กรต้องคิดไม่ใช่เพียงว่า Generative AI จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพได้แค่ไหน แต่ต้องถามว่า “โครงสร้าง Value Chain เดิมยังเหมาะสมอยู่หรือไม่” เมื่อ AI สามารถทำหน้าที่บางอย่างได้เร็วกว่า ถูกกว่า และแม่นยำกว่า องค์กรควรเริ่มออกแบบ Value Chain ใหม่ที่ขับเคลื่อนด้วย AI เป็นศูนย์กลางและมนุษย์ทำหน้าที่คุมทิศทาง คิดเชิงกลยุทธ์ และตัดสินใจด้านจริยธรรมมากกว่า การสร้างห่วงโซ่คุณค่ารุ่นใหม่ไม่ใช่เรื่องของเทคโนโลยีเพียงอย่างเดียว แต่เป็นการผสานความคิดใหม่ รูปแบบงานใหม่ และทักษะใหม่ของคนในองค์กรด้วย

Generative AI จึงไม่ใช่แค่เครื่องมือ แต่มันคือแรงผลักครั้งใหญ่ที่ทำให้องค์กรต้องตั้งคำถามกับโครงสร้างธุรกิจทั้งระบบ องค์กรที่สามารถปรับตัวและออกแบบ Value Chain ใหม่ให้สอดคล้องกับยุค AI จะไม่เพียงแข่งขันได้ แต่จะเป็นผู้กำหนดมาตรฐานใหม่ของอุตสาหกรรม ขณะที่องค์กรที่ยึดติดกับกระบวนการแบบเดิมอาจถูกทิ้งไว้ข้างหลังอย่างรวดเร็ว นี่คือช่วงเวลาที่สำคัญที่สุดในการคิดใหม่ทั้งระบบ และเปิดประตูสู่วิธีสร้างคุณค่าแบบใหม่ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในประวัติศาสตร์ธุรกิจของโลก

ผู้เขียน: ก้องปพัฒน์ กำจรจรุงวิทย์

RECOMMEND