JRIT ICHI

บริษัท VideoStep จำกัด ผู้ให้บริการจัดทำ “คู่มือแบบวิดีโอ” สำหรับอุตสาหกรรมการผลิต พร้อมระบบบริหารจัดการบนคลาวด์ เป็นบริษัทในเครือของบริษัท IT ขนาดใหญ่ที่ให้บริการสตรีมวิดีโอบนอินเทอร์เน็ตอย่างบริษัท J-Stream (Tokyo) โดยเข้ามาเป็นบริษัทในเครือเมื่อปี 2566 เดิมเคยเป็นบริษัทสตาร์ทอัพที่ก่อตั้งโดยคุณมุคาเอะ กรรมการผู้แทนบริษัท ขณะศึกษาอยู่ที่มหาวิทยาลัยโตเกียว ด้วยมุมมองของเขา การใช้งานที่ง่าย และศักยภาพการเติบโตสูง จึงได้รับความสนใจ และได้รับการสนับสนุนด้านเงินทุน ต่อมาในปี 2568 ก็ได้เข้าสู่ตลาดต่างประเทศเป็นครั้งแรก โดยเริ่มต้นจากการบุกเข้าสู่ตลาดในไทย ซึ่งเป็นศูนย์รวมของอุตสาหกรรมการผลิต โดยตั้งเป้าเพิ่มการรับรู้แบรนด์ผ่านการออกบูธในงานนิทรรศการอุตสาหกรรมการผลิตของประเทศไทย Manufacturing Expo ที่จะจัดขึ้นในเดือนมิถุนายนนี้

■กำแพงทางภาษาที่ขวางกั้น
ตลาดแรงงานนานาชาติของประเทศไทย นอกจากพนักงานชาวไทยแล้ว ยังมีผู้คนจากประเทศเพื่อนบ้านอย่างเมียนมาร์ กัมพูชา และลาว เข้ามาทำงานร่วมด้วย ในหน้างานผลิต อาทิ โรงงานต่าง ๆ มีแรงงานจากหลากหลายชาติพันธุ์และวัฒนธรรมทำงานอยู่ร่วมกัน สิ่งที่เป็นอุปสรรคใหญ่ที่สุดคือ “กำแพงทางภาษา” แม้จะจัดเตรียมคู่มือขั้นตอนการทำงาน (Manual) ที่มีความละเอียดและเต็มไปด้วยภาพประกอบได้ดีเพียงใดก็ตาม หากอ่านคำบรรยายไม่ได้ หรือฟังคำบรรยายเสียงไม่ออก ก็ไม่สามารถถ่ายทอดขั้นตอนการทำงานได้
นอกจากนี้ ตลาดแรงงานของไทยยังมีความผันแปรสูงมาก จนถึงขั้นที่ไม่ใช่เรื่องแปลกเลยที่สมาชิกที่เป็นพนักงานที่ทำการผลิตอยู่หน้างานเมื่อวาน จะถูกเปลี่ยนไปพร้อมกับหัวหน้างานคนใหม่ยกชุดภายในวันถัดมา เรื่องอย่างเช่น “งานนี้นอกจากเขาแล้วไม่มีใครทำได้” หรือ “ที่เก็บชิ้นส่วนนี้มีแต่เขาเท่านั้นที่รู้” ฯลฯ เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้โดยปกติทั่วไป ซึ่งสภาพการดำเนินการและการจัดการข้อมูลโดยขึ้นอยู่กับบุคคลเช่นนี้ กลายเป็นปัญหาที่ส่งผลต่อประสิทธิภาพในการทำงาน และยังคงเป็นประเด็นที่จำเป็นต้องได้รับการปรับปรุงตลอดมา

■การใช้งานที่เรียบง่ายอย่างยิ่ง
สิ่งที่คาดหวังว่าจะสามารถเข้ามาแก้ไขปัญหาต่าง ๆ เหล่านี้ได้ ก็คือ VideoStep แพลตฟอร์มจัดทำคู่มือในรูปแบบวิดีโอ ซึ่งมีชื่อเดียวกับบริษัทผู้พัฒนา เมื่อนึกถึงคำว่า “ตัดต่อวิดีโอ” “พากย์เสียง” หรือ “ใส่คำบรรยาย” ฯลฯ ก็มักจะรู้สึกว่ายุ่งยากจนเผลอหลีกเลี่ยงไปโดยไม่รู้ตัว แต่ที่จริงแล้วการใช้งานของระบบนี้กลับเรียบง่ายอย่างยิ่ง แม้แต่ผู้ที่ไม่ถนัดด้านอุปกรณ์เครื่องมือ หรือผู้ที่ไม่เคยเกี่ยวข้องกับการสร้างคอนเทนต์วิดีโอมาก่อน ก็สามารถใช้งานได้โดยง่าย นอกจากนี้แล้ว ยังมีปัญญาประดิษฐ์ (AI) วิเคราะห์เสียงและใส่ข้อความจัดทำคำบรรยายให้อัตโนมัติอีกด้วย
ทั้งยังมีการคัดเลือกฟังก์ชันการใช้งานให้เหลือเฉพาะสิ่งที่จำเป็นที่สุด โดยคำนึงถึงความสะดวกในการใช้งานเป็นหลัก และตัดความซับซ้อนออกทั้งหมด ทำให้มีผลตอบรับที่ดีมากในด้านความง่ายต่อการใช้งาน ในตลาดญี่ปุ่นที่มีการนำไปใช้แล้วนั้น ไม่เพียงแต่ในอุตสาหกรรมการผลิตทั่วไป เช่น เครื่องจักรหรืออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ แต่ VideoStep ยังมีบทบาทอย่างกว้างขวางในอีกหลากหลายสาขา ไม่ว่าจะเป็นงานก่อสร้าง งานบรรจุภัณฑ์อาหาร ไปจนถึงงานจัดเตียงในโรงแรม ฯลฯ
ยิ่งไปกว่านั้น ยังใช้ฟังก์ชันแปลภาษาอัตโนมัติที่รองรับถึง 23 ภาษาทั่วโลก เช่น ภาษาไทย ภาษาอังกฤษ ฯลฯ ลูกค้าที่นำไปใช้งานในญี่ปุ่นได้บอกกล่าวกันเป็นจำนวนมากว่า “ในไทยก็กำลังประสบปัญหานี้” ส่งผลให้นำไปสู่การตัดสินใจขยายตลาดสู่ประเทศไทยอย่างเต็มรูปแบบ

■รับฟังเสียงจากหน้างาน รวบรวมความต้องการที่แท้จริง
ในตลาดประเทศไทยที่ค่าแรงขั้นต่ำสูงมากขึ้น จึงต้องปรับตัวเปลี่ยนจากระบบที่พึ่งพาแรงงานจำนวนมากแบบที่เคยมีมา เกิดความต้องการด้านการพัฒนาทรัพยากรบุคคลและการเปลี่ยนหน้างานไปสู่ระบบดิจิทัลอย่างรวดเร็ว เพื่อตอบสนองความต้องการของตลาดเช่นนี้ VideoStep จึงตั้งเป้าที่จะก้าวขึ้นเป็น “โครงสร้างพื้นฐานด้านการฝึกอบรมในระดับมาตรฐาน” คุณคัตสึยะ อิมามูระ ผู้จัดการฝ่ายขายลูกค้านิติบุคคล ซึ่งรับผิดชอบตลาดต่างประเทศ ก็ได้กล่าวแสดงความตั้งใจต่อการเข้าร่วมงาน Manufacturing Expo ว่า “เราต้องการรับฟังเสียงจากหน้างานให้ได้มากที่สุด และรวบรวมความต้องการที่แท้จริง”

นอกจากนี้ บริษัทยังตั้งความหวังว่าจะได้พบกับพันธมิตรทางธุรกิจที่พร้อมจะร่วมมือกันในการขยายธุรกิจและพัฒนาฐานลูกค้าในอนาคตอีกด้วย คุณอิมามูระกล่าวว่า “ณ ตอนนี้ ลูกค้าหลักน่าจะเป็นบริษัทสัญชาติญี่ปุ่นเป็นส่วนใหญ่ แต่ในอนาคตก็อยากจะผลักดันให้แพร่หลายไปยังบริษัทท้องถิ่นในไทยด้วย ดังนั้นจึงจำเป็นต้องสร้างความร่วมมือกับบริษัทท้องถิ่น” โดยในบูธของงาน Manufacturing Expo บริษัทจะมีเดโมให้ทดลองใช้งาน และนำเสนอตัวอย่างการนำไปใช้โดยประเทศอื่น ๆ เพื่อถ่ายทอดสารในหลากหลายแง่มุม

VideoStep ซึ่งที่ผ่านมาประสบความสำเร็จในการลดต้นทุนด้านการฝึกอบรมและสร้างความสม่ำเสมอด้านคุณภาพการทำงานในตลาดญี่ปุ่นได้มุ่งสู่การเติบโตที่ก้าวกระโดดยิ่งขึ้น โดยมีตลาดต่างประเทศครั้งแรกก็คือประเทศไทย ซึ่งเป็นศูนย์กลางของอุตสาหกรรมการผลิตในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยเป้าหมายในอนาคตคือเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เช่น ฟิลิปปินส์ เวียดนาม อินโดนีเซีย ฯลฯ รวมไปตลาดขนาดใหญ่ เช่น อินเดียและยุโรป